บทความรู้ – Baanraigarden https://baanraigarden.com Tue, 28 Mar 2023 12:14:47 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.4.4 https://baanraigarden.com/wp-content/uploads/2023/01/logo-final-1.png บทความรู้ – Baanraigarden https://baanraigarden.com 32 32 การใช้หลอดยูวีในบ่อเลี้ยงปลา….. https://baanraigarden.com/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%88%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%84%e0%b8%9f%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%9b%e0%b8%a5%e0%b8%b2/ https://baanraigarden.com/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%88%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%84%e0%b8%9f%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%9b%e0%b8%a5%e0%b8%b2/#comments Thu, 18 Jun 2015 06:50:35 +0000 https://gardening.local/?p=1 เรื่อง การใช้หลอดยูวีในบ่อเลี้ยงปลา แม้ว่าจะเป็นเรื่องเก่า แต่มีแง่มุมน่าสนใจ จึงเรียบเรียงเป็นคำถาม คำตอบ ไว้ให้ศึกษากันต่อไป​

ถาม – ถามจริงๆ หลอดยูวีที่ใช้กัน แก้ปัญหาน้ำเขียวได้จริงหรือครับ​

ตอบ – แก้ได้จริงครับ​

ถาม – อาจารย์เคยพูดว่าปัญหาน้ำในบ่อปลาคือน้ำขุ่นกับน้ำเขียว มันยังไงครับ​

ตอบ – น้ำขุ่น ส่วนใหญ่เกิดจากอนุภาคดิน หรือสารอินทรีย์ที่แขวนลอยอยู่ในเนื้อน้ำ สาเหตุเพราะวัสดุกรองไม่สามารถกรองเก็บไว้ได้ บางทีวัสดุกรองเหมาะสม แต่พื้นบ่อไม่ลาดเอียงพอหรือวางระบบท่อน้ำในบ่อไม่เอื้อให้ตะกอนที่พื้นบ่อไหลเข้าสะดือได้หมด มันก็เหลืออยู่ที่พื้นบ่อเป็นหย่อมๆ โดยเฉพาะตามมุมบ่อ พออุณหภูมิน้ำสูงตะกอนพวกนี้ก็ลอยขึ้นมา เป็นสาเหตุให้น้ำขุ่น ปัญหานี้หลอดยูวีช่วยไม่ได้ครับ​

ส่วนน้ำเขียว เกิดจากสาหร่ายชนิดเซลล์เดียว ที่เติบโตแพร่กระจายอยู่ในน้ำ ความจริงเรามองเซลล์สาหร่ายพวกนี้ไม่เห็น ลองตักใส่แก้วแล้วมองก็จะเห็นว่าน้ำใสดี แต่พออยู่ในบ่อซึ่งมีน้ำมีจำนวนมาก ก็ให้ผลทางการมองเป็นสีเขียวได้

ถ้าบ่อกรองใช้วัสดุกรองที่ดี มีปริมาณมากพอ จัดการรอบหมุนเวียนน้ำเหมาะสม เซลล์สาหร่ายก็จะถูกกรองเก็บเอาไว้ได้ในทุกๆรอบหมุนเวียนของน้ำ เมื่อภายในบ่อกรองไม่มีแสงสว่าง เซลล์สาหร่ายพวกนี้ก็จะตายไป ๆ จนน้ำในบ่อหายเขียวไปในที่สุด​

ถาม – อ้าว…ถ้าน้ำใสด้วยวัสดุกรองได้แล้ว อย่างนั้นทำไมยังต้องใช้หลอดยูวีอีกครับ​

ตอบ – ก็อยากให้น้ำใสไวๆ หรือไม่ก็บ่อเลี้ยงขนาดใหญ่ หรืออาจจำเป็นต้องลดขนาดบ่อกรอง ลดวัสดุกรอง หรือลดรอบหมุนเวียนน้ำ หรือบ่อได้รับแสงแดดนาน ​ หรือปลาที่เลี้ยงมีจำนวนมาก… ด้วยปัญหาหรือข้อจำกัดเหล่านี้ จึงจำเป็นต้องใช้หลอดยูวีเข้ามาเสริม​

ถาม – อาจารย์ช่วยให้รายละเอียดเรื่องหลอดยูวีสักเล็กน้อยครับ​

ตอบ – แสงยูวี(UV) ก็เป็นคลื่นชนิดหนึ่งที่เรียกว่า แสงอัลตร้าไวโอเลต แบ่งตามความถี่ของคลื่นมี 3 ชนิด คือ UVA UVB และ UVC ที่เราใช้ในบ่อเลี้ยงปลา จะเป็นชนิด UVC ซึ่งเป็นแสงคลื่นสั้น มีพลังการทำลายเซลล์สิ่งมีชีวิตมากที่สุด ​

นักจัดสวนส่วนใหญ่ใช้ จะเป็นหลอดในแก้วใส เรียกว่าแก้วควอตซ์ โดยวางจุ่มลงในน้ำ อีกแบบหนึ่งเป็นหลอดที่มีกระบอกหุ้ม แต่ไม่ค่อยนิยมนัก เพราะราคาแพงกว่า แบบนี้วางในน้ำไม่ได้ และต้องมีปั๊มหรือต้องต่อท่อแยกให้น้ำจากบ่อกรองไหลเข้าในกระบอกเพื่อให้น้ำผ่านแสงยูวีก่อนที่น้ำจะไหลกลับเข้าบ่อปลา ที่ว่ายุ่งยากคือต้องกำหนดปริมาณน้ำและความเร็วน้ำที่เหมาะสมกับกำลัง(วัตต์)ของหลอดด้วย จึงจะได้ผลดี​

ถาม – ทราบว่าแสงยูวีจะฆ่าเซลล์สิ่งมีชีวิตทุกชนิด ทั้งที่เป็นจุลินทรีย์ฝ่ายดีและฝ่ายผู้ร้ายนี่ครับ​

ตอบ – นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าเราต้องวางหลอดยูวีไว้ในห้องกรองห้องสุดท้ายคือห้องปั๊มน้ำ จะไม่วางไว้ในห้องใส่วัสดุกรอง หรือไม่วางไว้ในบ่อปลาโดยตรง​

ถาม – เห็นว่ามันอันตรายต่อคนด้วย ​

ตอบ – อันตรายต่อเซลล์สิ่งมีชีวิตทุกอย่าง อยู่ห่างๆ ได้บ้างอย่านาน ระยะที่แสงยูวีซี หวังผลทำลายจริงๆ ไม่เกิน 3 เซนติเมตรจากไส้หลอด แสงไม่ได้ทำลายจุลินทรีย์หรือเซลล์สาหร่ายคราวเดียวทั่วทั้งบ่อ ต้องใช้เวลาหลายวัน กว่าเซลล์สาหร่ายจะไหลผ่านเข้าใกล้แสง ถ้าจะให้ได้ผลเร็วก็ต้องใช้จำนวนหลายหลอด และมีกำลังวัตต์ที่มากพอด้วย ​

ถาม – แสงจากหลอดยูวีพวกนี้ยังมีประโยชน์อย่างอื่นมั้ยครับ​

ตอบ – มีงานวิจัยว่า แสงยูวียังช่วยกำจัดสารในกลุ่มคลอรามีน เช่น คลอรีนในน้ำได้ด้วยครับ​

ถาม – ขอคำแนะนำในการใช้หลอดยูวีด้วยครับ​

ตอบ – ตามหลักวิชาเลยนะ…และได้ผลดีจริง บ่อที่ไม่เลี้ยงปลา คือสร้างบ่อขึ้นมาเพื่อความสวยงามเฉยๆ อาจปลูกพืชน้ำจำพวก กก บ้างเล็กน้อย ต้องการให้น้ำใส ปริมาณน้ำ 1 ตัน(1,000 ลิตร) ใช้ 1 วัตต์ แต่ต้องให้น้ำหมุนเวียนด้วยนะ อย่าให้น้ำนิ่ง ​

บ่อเลี้ยงปลา ที่มีสภาพร่มเงาดี ปริมาณน้ำ 1 ตัน ใช้ 2 วัตต์ ​

บ่อเลี้ยงปลา ที่ได้รับแสงแดดมาก ปริมาณน้ำ 1 ตัน ใช้ 4 วัตต์ ​ ​

ถาม – หลอดพวกนี้อายุใช้งานนานมั้ยครับ​

ตอบ – หลอดจะลดประสิทธิภาพลงเรื่อยๆ จะลดมากลดน้อยก็อยู่กับคุณภาพสินค้า ทั่วๆไปมีอายุ 8-10 เดือน วิธีสังเกตว่าควรเปลี่ยนหรือยัง ก็ดูแสงถ้าสว่างน้อยลงหรือเปลี่ยนจากสีเดิม หรือใส่แว่นกันแสงแล้วดู ถ้าแสงมีลักษณะสั่นๆตลอดเวลา ไม่สม่ำเสมอ หรือสังเกตดูคุณภาพน้ำ ถ้าเปิดไว้หลายวันแล้วน้ำก็ยังเขียวก็ถึงเวลาเปลี่ยนแล้ว ​

และเพื่อไม่ประมาท เวลาใช้ครั้งแรก หรือตรวจเช็คหลอด หรือจะสัมผัสน้ำในบ่อกรอง ควรใช้ไขควงเช็คไฟจุ่มน้ำตรวจกระแสไฟก่อนทุกครั้ง เพราะบางครั้งได้หลอดที่ขั้วไฟไม่ดีน้ำเข้าทำให้ไฟรั่วได้ ​

บ่อปลาคาร์ฟคุณภาพจัดง่ายๆ ]]>
https://baanraigarden.com/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%88%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%84%e0%b8%9f%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%9b%e0%b8%a5%e0%b8%b2/feed/ 1
เรื่องที่เหมือนจะรู้ในการรักษาคุณภาพน้ำในบ่อเลี้ยงปลาคาร์ป​… https://baanraigarden.com/%e0%b8%84%e0%b8%93%e0%b8%a0%e0%b8%b2%e0%b8%9e%e0%b8%99%e0%b8%b3%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%ad%e0%b8%9b%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%9b/ https://baanraigarden.com/%e0%b8%84%e0%b8%93%e0%b8%a0%e0%b8%b2%e0%b8%9e%e0%b8%99%e0%b8%b3%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%ad%e0%b8%9b%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%9b/#respond Thu, 18 Jun 2015 06:40:51 +0000 https://gardening.local/?p=89
  1. เราเติมออกซิเจนให้น้ำในบ่อเลี้ยงปลาได้เพียงจำกัดเท่าที่ออกซิเจนจะละลายได้เท่านั้น จะเติมมากกว่านี้ไม่ใด้ ต่อให้เติมเดือดสุดๆยังไงก็เพิ่มไม่ใด้ เพราะออกซิเจนจะละลายน้ำได้ดีต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความเข้มข้นของคลอไรด์ในน้ำ และอุณหภูมิของน้ำในบ่อ…​

ถ้าได้จากน้ำประปาที่มีคุณภาพก็มั่นใจในเรื่องปริมาณคลอไรด์ที่ละลายอยู่ว่าไม่เกินมาตรฐานแน่ (ไม่เกิน 250 มิลลิกรัม/ลิตร)การเติมอากาศจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ง่าย แต่ถ้าได้จากน้ำใต้ดิน หรือน้ำจากแม่น้ำลำคลองทั่วไป อาจจะมีปริมาณคลอไรด์สูง ยิ่งสูงมาก ยิ่งทำให้ออกซิเจนละลายได้ยาก​

และถ้าอุณหภูมิน้ำสูงก็ทำให้ออกซิเจนละลายน้ำได้น้อย อยากเพิ่มออกซิเจนในน้ำให้มาก ก็ต้องลดอุณหภูมิของน้ำลง เหมือนที่เขาขนส่งปลา จะใช้น้ำแข็งช่วยลดอุณหภูมิน้ำให้ต่ำลง ​ เราจะลดอุณหภูมิน้ำในบ่อปลาด้วยน้ำแข็งไม่ได้ ​ ก็ต้องสร้างสภาพร่มเงาให้เกิดขึ้นมากๆ และให้บ่อมีความลึกที่เหมาะสม ​ ​

ค่ามาตรฐานน้ำคุณภาพดีต้องมีออกซิเจนละลายอยู่ 5-8 มก./ลิตร ผู้เลี้ยงปลาควรหาซื้อเครื่องมือวัดค่าออกซิเจนในน้ำไว้​

ข้อนี้บอกให้เราเข้าใจว่า ไม่ต้องใส่อุปกรณ์พ่นอากาศ(jet)มากจนเกินไป​

  1. เราเข้าใจว่าการเติมอากาศจะมุ่งหมายเพื่อเติมออกซิเจนอย่างเดียว ความเป็นจริง ลมที่ออกมาจากระบบ jet จะช่วยรักษาและปรับสภาพน้ำให้สม่ำเสมอทั่วทั้งบ่อ ถ้าน้ำในบ่อนิ่งสงบ อุณหภูมิน้ำจะไม่เท่ากัน น้ำช่วงบนมีอุณภูมิสูงกว่าน้ำช่วงล่าง ​ ลมของการเติมอากาศจะช่วยดันน้ำให้เคลื่อนที่ช้าๆ ในทิศทางเดียวกัน เป็นการช่วยปรับอุณหภูมิให้น้ำสม่ำเสมอ ​ เมื่ออุณหภูมิสม่ำเสมอ ค่าต่างๆภายในน้ำก็จะคงที่ ​

การที่ปลาตาย(เรียกกันว่าปลาช็อคน้ำ) ในเหตุการณ์ฝนตกหนัก ​ สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการที่อุณหภูมิน้ำแตกต่างเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว โดยที่ระบบเติมอากาศไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิให้สม่ำเสมอได้ ​

ข้อนี้บอกให้เราได้รู้จักวางท่อjet ในความลึกที่เหมาะสม และพ่นน้ำออกไปในทิศทางที่รับกัน เพื่อให้น้ำเคลื่อนตัว แต่ไม่กระเพื่อมตีกันจนน้ำกระจายไร้ทิศทาง​

  1. ถ้าสามารถทำให้อุณหภูมิน้ำและออกซิเจนมีความสม่ำเสมอทั่วทั้งความลึก จะช่วยให้สาหร่ายชนิดดี(สาหร่ายเส้นสั้น)เกิดและเติบโตตามผนังและพื้นบ่อ ช่วยให้น้ำใส และปรับคุณภาพน้ำได้ดียิ่งขึ้น และควบคุมไม่ให้เกิดก๊าซพิษจำพวกไนไตรท์ขึ้นมา​

  1. ส่วนการเติมออกซิเจนในบ่อกรอง จะช่วยให้แบคทีเรียชนิดดีเติบโตแข็งแรง ก็เติมพอประมาณ เพราะอัดลงไปมากอย่างไร ออกซิเจนก็ละลายได้จำกัดตามที่กล่าวมาในข้อ1. ข้อนี้เห็นหลายๆบ่อเติมกันอย่างมากมาย​

  1. ***การใส่เกลือแกงลงในบ่อเลี้ยงปลา จะช่วยรักษาระดับโซเดียมและคลอไรด์ในเลือดปลาเพื่อลดความเครียด เกลือแกงยังช่วยลดก๊าซแอมโมเนียและไนไตรท์ด้วย แต่ควรใช้ในความเข้มข้น 0.5 % คือ ใช้เกลือ 500 กรัม ต่อน้ำในบ่อ 100 ลิตร ด้วยการนำเกลือมาละลายน้ำก่อนเทกลับลงบ่อ และถ้าจำเป็นต้องใส่เกลือซ้ำต้องถ่ายน้ำเกลือเดิมในบ่อออกไปไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของบ่อ เพื่อลดการสะสมของเกลือ เพราะถ้ามีความเข้มข้นของเกลือมากเกินไป ออกซิเจนในบ่อจะลดลงได้

(***วารสารวิจัยเทคโนโลยีการประมง ปีที่10 ฉ.1 มกราคม-มิถุนายน 2559 “ความเข้มข้นของเกลือที่มีผลต่อคุณภาพน้ำและเลือด(โซเดียมและคลอไรด์)ของปลาแฟนซีคาร์ป, นงนุช อัศววงศ์เกษมและ วีณา เคยพุดซา.)​)

]]>
https://baanraigarden.com/%e0%b8%84%e0%b8%93%e0%b8%a0%e0%b8%b2%e0%b8%9e%e0%b8%99%e0%b8%b3%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%ad%e0%b8%9b%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%9b/feed/ 0